วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558


10 อันดับ Thai Beauty 

Blogger ปี 2556






update : 2013-10-04 12:30:00
views : 4690
ที่มา : DIGITAL LIFESTYLE
บล็อกเกอร์ด้านความงามนี้ มีความ้ชี่ยวชาญในหลายๆ เรื่อง ทั้งสอนแต่งหน้าในแบบทำเองได้ มีการรีวิวผลิตภัณฑ์ความงามจากแบรนด์สินค้าต่างๆ และยังเลยไปถึงการดูแลตัวเองและรีวิวสถานเสริมความงามด้วยเช่นกัน
10. Mamo
Mamo หรือ มะโม – วรมา อำไพรัตน์ เน้นการนำเสนอมุมมองที่มีเอกลักษณ์ผ่านสไตล์การแต่งตัวของเธอเอง ที่มาพร้อมกับภาพประกอบลายเส้นเรียบง่ายบวกกับสำนวนภาษาน่ารัก Blogger : www.mamomomomo.com Facebook : www.facebook.com/mamomomomo
9. Vanillawalk
Vanillawalk โดย คุณอุ้ง – กมลนาถ องค์วรรณดี นิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักออกแบบลายผ้า วัย 21 ปี ซึ่งเคยร่วมงานกัลป์แบรนด์ไทยชื่อดังมาแล้วทั้ง senada, Disaya, Something Boudoir หรือ Asava Vanilla Walk เน้นบอกเล่าเรื่องแบบของไดอารี่ ทั้งเรื่องแฟชั่น ศิลปะ และดนตรี รวมถึงแฟชั่นสไตล์มินิมัล Blogger : www.vanillawalk.org Facebook : www.facebook.com/vanillawalkblog
8. Taste of Nowhere
Taste of Nowhere เป็นของคุณนี – ชาลิสา วีรวรรณ กูรูแฟชั่นผู้เป็นอดีตดีไซเนอร์แบรนด์มุงดู (Moong - Doo) และ Personal Stylist ของศูนย์การค้าสยามพารากอน และดิ เอ็มโพเรียม และยังอยู่ในตำแหน่งบรรณาธิการแฟชั่นนิตยสารโว้กประเทศไทย (Vogue Thailand) อีกด้วย Blogger : www.tasteofnowhere.com Facebook : www.facebook.com/TasteofnoWHere
7. P.O Box Style
P.O Box Style หรือคุณพลอย – ชวพร เลาหพงศ์ชนะ เจ้าของแบรนด์ ‘P’s Material ร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เหล่าดาราเซเลบให้ความไว้วางใจ และยังเป็น Persobnal Shopper ให้กับ Topshop และ Style & Social Editor ให้กับนิตยสาร ELLE ประเทศไทย Blogger : http://poboxstyle.blogspot.com, www.psmaterialthailand.com Facebook : www.facebook.com/pages/PO-BOX-STYLE/122644247760915?fref=ts
6. Feonalita
Feonalita หรือคุณทรายสาวดังจากโต๊ะเครื่องแป้ง Pantip.com Feonalita มีความชำนาญในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการแต่งหน้า การทำผมในแบบต่างๆ การดูแลผิวพรรณ รวมไปถึงการรีวิวผลิตภัณฑ์ความงามหลายยี่ห้อ Blogger : http://feonalita.bloggang.com Facebook : www.facebook.com/feonalitafanpage
5. Pang Kirari
แป้ง KiRaRi การันตีความสามารถด้วยรางวัล Best Beauty Blog ของ Bloggang Popula Award ครั้งที่ 6 แป้ง KiRaRi เน้นรีวิวเครื่องสำอางสอนแต่งหน้าและทำผมตามเทรนด์เกาหลีญี่ปุ่น Blogger : www.kirarista.com Facebook : www.facebook.com/Kirarista
4. Pupe so sweet
บล็อกเกอร์ที่คำนึงถึงผู้ตาม นำเสนอเจาะลึกที่คุณสมบัติของตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมถึงการวิเคราะห์ส่วนผสมในตัวผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันได้รับคามไว้วางใจจากหลายแบรนด์สินค้าและได้เป็นส่วนหนึ่งของงานโฆษณาผลิตภัณฑ์ความงามทางทีวี Blogger : http://pupesosweet.bloggang.com Facebook : www.facebook.com/PuPesosweetPage
3. Cinnamongal
เป็นบล็อกเกอร์อาชีพที่คว่ำหวอดในวงการออนไลน์มานาน นำเสนอความชำนาญที่หลากหลาย ตั้งแต่การแต่งหน้า รีวิวเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว และ ทรีตเมนต์จากสถานเสริมความงาม Blogger : http://cinnamongal.bloggang.com Facebook : www.facebook.com/cinnamongaldotcom
2. Momay Paplearn
เป็นที่ถูกใจสาวๆ ออนไลน์หลายคนกับความชำนาญด้านผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ตะวันตก ทั้งเมกอัพเครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อ และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Blogger : www.spokedark.tv Facebook : www.facebook.com/MomayPaPlearnTV
1. Pearypie
เมกอัพอาร์ทิสต์จากรันเวย์ระดับอินเตอร์ที่มีดีกรีความเก่งการันตีด้วยประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพ แพรี่พาย เน้นแนะนำเรื่องความสวยความงามการแต่งหน้าแบบฮาวทูในสไตล์ต่างๆ Blogger : www.pearypie.com Facebook : www.facebook.com/pearypiemakeupartist
**หมายเหตุ 
ข้อมูลทั้งหมดที่ทาง toptenthailand.com นำเสนอได้มาจากการสำรวจความคิดเห็นเชิงสถิติ ด้วยขั้นตอนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ของหัวข้อนั้นๆ ทางเว็บไซต์ toptenthailand.com มิได้มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเพื่อชี้นำ หรือ ก่อให้เกิดความแตกแยกใดๆ ในสังคมทั้งสิ้น เราและทีมงานเพียงแต่ต้องการนำเสนอข้อมูลทางสถิติที่เรารวบรวมเพื่อเป็นสาระ และเป็นการสะท้อนอีกด้านหนึ่งของสังคม ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และประชาชน ทั่วไปรับชมเท่านั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการชม และบริโภคข้อมูลจาก toptenthailand.com) และหรือในบางกรณี www.toptenthailand.com จะทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางในการรวบรวม และนำเสนอข้อมูลในการจัดอันดับที่มีอยู่แล้วในสื่อต่างๆ ทั้งทาง Internet และสิ่งพิมพ์ โดยเราจะอ้างอิง ให้เครดิต ถึงแหล่งที่มาในทุกๆ ครั้งไป
























Edward Snowden : Enemy of the State: ศัตรูหมายเลขหนึ่งของรัฐ
11 มิถุนายน 2013 เวลา 9:26 น.


ข่าวที่นาย Edward Snowden ชาวอเมริกันวัย29 ปี ลูกจ้างชั่วคราวขององค์กรราชการลับอย่าง NSA(NationalSecurity Agency) ที่มีหน้าที่หาข้อมูลจากข่าวสารต่างๆตามหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อนำข้อมูลต่างๆเหล่านี้ส่งเก็บไปที่ฐานข้อมูลให้กับองค์กรอย่าง NSA นั้นก็ปรากฏว่าจู่ๆนาย Edward Snowden ไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือของอังกฤษ theGuardian ว่าองค์กรอย่าง NSA ได้ทำการดับฟัง(eavesdropping)การพูดจาของคนอเมริกันเป็นจำนวนหลายล้านคนรวมถึงการเข้าไปเจาะข้อมูลแบบจารชน(spy)ทางสื่ออินเตอร์เนทของชาติต่างๆทั่วโลก

นาย Edward บอกหนังสือพิมพ์the Guardian ว่า 'คุณจะนึกไม่ถึงหรอกว่าความสามารถของพวกเขา(NSA)มีมากเพียงใดและเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมาก...' และเขายังกล่าวต่อไปว่า'...ผมไม่ต้องการจะอยู่ในโลกที่ทุกอย่างถูกทำการบันทึกหรือถูกจับตามอง...นี่คือสิ่งที่ผมไม่ต้องการเข้าไปสนับสนุนหรือต้องการใช้ชีวิตแบบนี้...'และท้ายสุดนาย Edward ก็ได้กล่าวว่า 'ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กลับบ้านเกิดอีกแล้วแม้ว่าผมต้องการจะกลับบ้าน'

ก็แปลกดีครับ ที่คำให้สัมภาษณ์ของนาย EdwardSnowden กับหนังสือพิมพ์ the Guardian เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีของจีนนายสี จิ้งผิงเดินทางไปพบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายบารัค โอบามาและบทสนทนาที่สำคัญยิ่งระหว่างผู้นำทั้งสองชาตินี้ก็คือเรื่องการจารกรรมข้อมูลระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาว่าเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้กับทั้งจีนและสหรัฐอเมริกามาก

แต่การให้สัมภาษณ์ของนาย EdwardSnowden ดูคล้ายจะตอกย้ำว่า ตัวสหรัฐอเมริกาเองซึ่งผ่านทางหน่วยงานรัฐอย่างองค์กร NSA ต่างหากที่คอยไปเจาะเก็บข้อมูลของชาติต่างๆ ซึ่งแน่นอนจีนก็ย่อมเป็นชาติที่ต้องโดนองค์กรอย่าง NSA เข้าเจาะข้อมูล(hacking)อย่างต่อเนื่องเพราะพนักงานของทาง NSA อย่างนาย Edward Snowden ก็ได้ออกมายอมรับว่าNSA มีพฤติกรรมดังกล่าวจริง แม้ว่าเขาไม่ได้พูดเฉพาะเจาะจงว่า NSAเล่นงานเจาะข้อมูลของจีนเพียงชาติเดียว

และที่น่าแปลกใจอีกอย่าง คือนาย Edwardให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวในขณะที่เขาพักอยู่ที่ฮ่องกง(เขาได้เดินทางออกจากโรงแรมที่ฮ่องกงไปแล้วตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน)ซึ่งเป็นเขตภายใต้การปกครองของจีนดังนั้นทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะขอให้ทางจีนส่งตัวเขากลับไปยังสหรัฐอเมริกาทันทีนั้นจีนก็อาจย่อมมีการสงวนท่าทีบ้างแม้ว่าตอนที่ฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรนั้นทางสหราชอาณาจักรสามารถที่จะส่งคนที่ทางรัฐบาลชาติอื่นขอตัวนำกลับประเทศที่ทำเรื่องเรียกร้องมาซึ่งสามารถทำได้

แต่ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือนาย EdwardSnowden ถ้าดูแล้ว เขาก็ไม่ได้เป็นสายลับให้กับชาติใดไม่เหมือนอย่างในยุคสงครามเย็น ที่ทางสหรัฐอเมริกาและทางสหภาพโซเวียดต่างมีสายลับล้วงข้อมูลระหว่างกัน ถ้าถูกจับได้ว่ามีการทำงานให้กับชาติศัตรูก็จะถูกดำเนินคดี ในอดีตถึงกับทำโทษถึงขั้นประหารชีวิต

สิ่งที่นาย Edward Snowden ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์the Guardian คือองค์กรอย่าง NSA ได้เข้าไปล้วงลูกเจาะข้อมูลของชาติต่างๆผ่านทางอินเตอร์เนทและทำการล้วงลูกเจาะข้อมูลของคนอเมริกันที่มีจำนวนเป็นล้านคือเล่นงานคนชาติเดียวกันอีกด้วย

นายบารัค โอบามาได้พูดกับสื่อว่า สิ่งที่นาย Edward Snowden ออกมาให้สัมภาษณ์นั้นไม่เป็นความจริงเลย รัฐบาลอเมริกันมีหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยต่อพลเมืองอเมริกันเท่านั้น

ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคำว่าปกป้องพลเมืองอเมริกันนั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ใช้ rated อะไรในการวัดเช่น rated G, rated PG, rated R, rated X, rated XXX เพราะสิ่งที่นายEdward พูดว่าทาง NSA เข้ามาล้วงเจาะข้อมูลคนอเมริกันและคนทั้งโลกเป็นความจริงตามที่เขาให้สัมภาษณ์และนายโอบามาก็ไม่ได้ปฎิเสธแบบได้ใจคนอเมริกันทั้งหมดเพียงแต่บอกว่ารัฐบาอเมริกันต้องการปกป้องความปลอดภัยของคนอเมริกัน

ตอนนี้ทางสื่อก็ได้มีการขุดคุ้ยประวัติของนายEdward Snowden อย่างเต็มที่ ดูเขาเรียนหนังสือไม่จบชั้นมัธยมปลายแต่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ดีมาก และได้ถูกว่าจ้างเป็นเงินค่อนข้างแพงให้ทำงานแบบลูกจ้างชั่วคราวให้กับองค์กรอย่าง NSA ซึ่งก็แปลกดีที่ทางNSA ว่าจ้างพนักงานชั่วคราวอย่างนาย Edward มาทำงานให้กับทาง  NSA

'สหรัฐอเมริกา ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมและความล้ำเลิศทางเทคโนโลยีในการเจาะหาติดตามข้อมูลของผู้อื่นอย่างน่าสะพรึงกลัวมาก'นาย Edward กล่าว

ตอนนี้นาย Edward Snowden คงต้องคอยหลบหนีการติดตามไล่ล่าของรัฐบาลสหรัฐฯมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลก ก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปจบหรือลงเอยที่ไหน

'If you live another day. I will be very impressed'

ประโยคดังกล่าวมาจากภาพยนตร์เรื่อง theEnemy of the State(1998) ที่ทางหน่วยงานรัฐทาง NSA พูดกับพวกที่กำลังถูกทางรัฐบาลไล่ล่าอยู่เพราะถูกมองว่าเป็นศัตรูของรัฐบาล

ครับคุณ Edward Snowden 'If youlive another day. I will be very impressed'

วันนี้ผมจะขอปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เล่น facebook ไม่ส่งอีเมล์ แล้วก็จะไม่ chat กับใครเพื่อทำใจให้กับตัวเองครับ